วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

30 วิธีอยู่อย่างสง่า แม้ติดเอดส์ 


 คำแนะนำดีๆ ที่เราคัดสรรมาสำหรับผู้ติดเชื้อ HIV ข้อคิด และการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น เราก็คือคนนึงในสังคม เราไม่ได้แตกต่างจากผู้อื่นเลย ถ้าเราไม่รังเกียจตัวเองหรือไม่ยอมซะอย่างใครก็ทำอะไรเราไม่ได้จริงปะ

        1.เราไม่ใช่คนเลว


                เราคือมนุษย์คนนึงที่มีชีวิตและจิตใจเหมือนคนทั่วไป ถึงแม้ว่ามีคนกลุ่มนึงที่รังเกียจและไม่อยากเข้าใกล้เรา แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มนึงที่เป็นกำลังให้พวกเราเสมอ และไม่ได้รังเกียจเรา เพราะเราก็คือคนเหมือนพวกเค้า แต่อยู่ที่ตัวเราเองว่าจะเลือกเป็นคนแบบไหน จะทำตัวดีขึ้น ใช้เวลาที่เหลือทำแต่สิ่งดีๆคอยตือนสติและช่วยเหลือผู้คน หรือทำตัวแย่ลง ไปทำร้ายคนอื่นต่อ เราคือผู้เลือกเอง และเราจะได้รับผลของการกระทำนั้นเอง

        2.อย่าสนใจคำนินทา


                อย่าสนใจน้ำคำของคนที่รู้จักเราเพียงแต่ภายนอก แต่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเรา เขาตัดสินเราจากการกระทำ และสิ่งที่เขาเห็น เขาไม่ได้ตัดสินเราจากหัวใจ เขาไม่ได้คิดว่าทำไมเราถึงเป็นแบบนี้ ทำไมเราถึงได้ทำแบบนี้ คนพวกนี้รอคอยแต่การตอกย้ำคนอื่น ไม่พยายามที่จะเข้าใจความเป็นคน ว่าเราเติบโตมาไม่เหมือนกัน ทุกคนไม่ได้เป็นแบบเดียวกันหมด

        3.ไม่ดูถูกตัวเอง


                ไม่ว่าใครจะมองยังไง ก็ไม่เท่าเรามองตัวเราเอง ถ้ามองตัวเองว่าด้อยคุณค่า ไม่มีความสามารถในการทำสิ่งต่างๆ โง่จัง ทำงานร่วมกับใครไม่ได้เลย มันก็จะเป็นแบบนั้นตลอดไป ถ้าตัวเองยังมองตัวเองแบบนั้น เราทำอะไรได้มากกว่าที่สมองเราบอก เพียงฟังเสียงที่อยู่ในหัวใจของตัวเอง ถึงแม้ว่าเราจะเป็นผู้ป่วย แต่ก็ป่วยทางร่างการ อย่าปล่อยให้จิตใจป่วยไปด้วยเลย
           

        4.มีความหวังกับทุกอย่าง


                ทุกคนที่อยู่โดยปราศจากความหวัง ก็ถือว่าตายแล้ว ไม่มีความหวังก็ไม่มีชีวิต ทุกคนล้วนมีเป่าหมายในชีวิตและความหวังจะนำพาเราไปให้ถึงจุดนั้น เพียงแต่อย่าคาดหวังกับเรื่องบางเรื่องจนมากเกินไป ความหวังคือสิ่งที่พลังมากอย่างนึง เรื่องบางอย่างมันอาจทำเราผิดหวังมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ถ้าเรายังคงมั่นคงในความหวังนั้น มันจะทำหน้าที่ของมันเอง
         

        5.เราแข็งแกร่งกว่าที่เราคิด


                เพราะสมองคือสิ่งที่สั่งการการกระทำของเราซะเป็นส่วนใหญ่ มันมีตรรกะมากมาย มันคอยระมัดระวังอันตราย หรือที่เรียกว่าสัญชาตญาณ เราจำเป็นต้องรับฟังมัน แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งที่อยู่ภายใต้จิตใจของคนเรานั้น มันมีพลังมหาศาล มันจะออกมาตอนที่สมองสูญเสียการควบคุม หรือที่เรียกว่า ขาดสติ นั้นเอง เวลาคนเราขาดสติเราจะทำบางอย่างได้อย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ได้จะบอกว่าให้ขาดสติกันบ่อยๆนะ เพียงแค่อยากให้เรารับฟังเสียงหัวใจของตัวเราเองว่ามันทำอะไรได้มากมาย
           

        6.เชื่อมันในตัวเอง


                เชื่อมั่นในทุกเรื่องที่ได้ทำลงไป หรือกำลังจะทำ อย่าไร้ซึ่งความมั่นใจ เพราะมันจะทำให้ความสามารถที่เรามีแสดงออกมาไม่เต็มที่ หรือไม่ได้แสดงออกมาเลย อย่ากลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ความกลัวคือสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง และมันคือตัวร้ายที่กลืนกินความเชื่อมั่นของเราเอง เพียงเชื่อว่าเราทำได้ และผลลัพธ์มันจะออกมาว่าเราทำได้เสมอ
         

        7.ให้อภัยตัวเองและผู้อื่น


                อย่าโทษตัวเองและสิ่งต่างๆรอบตัว หรือผู้อื่น เพราะมันเป็นเพียงบททศสอบในชีวิต เราเพียงแค่สอบตกในบทนั้น สิ่งที่ดีที่สุดไม่ควรโทษหรือฝังใจกับมัน จงให้อภัยทุกสิ่งทุกอย่าง และเรียนรู้ใหม่เริ่มตันใหม่ในทุกวัน การให้ โดยเฉพาะให้อภัยตัวเองมันคือความสุขที่มีแค่เราเองที่จะรับรู้ได้ว่ามันมีพลังอำนาจในการรักษาเยียวยาต่อทุกสรรพสิ่ง
           

        8.กล้าเผชิญหน้ากับความกลัวและความกังวลใจต่างๆ


                ตามที่ได้บอกไว้ในข้อที่ 6 ว่าความกลัวคือสิ่งที่เราสร้างมันขึ้นมาเอง มันไม่มีตัวตน ถ้าเราไม่สร้างมันขึ้นมา ความกังวลใจก็เช่นกัน แต่ถ้าเราเผลอสร้างมันขึ้นมาแล้ว ก็จงเผชิญหน้ากับมันและทำลายมันลงด้วยอาวุธที่มีชื่อว่า "ความกล้าหาญ"
           

        9.ยิ้มและหัวเราะบ่อยๆ 


                เพราะว่ามีงานวิจัยได้ค้นพบว่า การหัวเราะบ่อยๆมีประสิทธิภาพดีพอๆ กับการออกกำลังกาย ช่วยให้สมองหลั่งสารแห่งความสุข ทำลายความเจ็บปวด ความจำดีขึ้น ขับถ่ายดีขึ้น หลับสนิท ผิวพรรณดี ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้นอย่างมาก และช่วยในเรื่องต่างๆอีกมากมาย เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วย เพราะมันรักษาเยียวยาจิตใจและร่างกายได้เป็นอย่างดี ความสุขเป็นของคนที่มีอารมณ์ดี และทำให้คนรอบข้างมีความสุขไปด้วย
           

        10.รู้จักแบ่งบัน


                ความสุขที่แท้จริงคือการเป็นผู้ให้ ไม่ใช่การเป็นผู้รับ การแบ่งบันสิ่งต่างๆที่เรามี ให้แก่ผู้อื่นมันไม่เคยทำให้ใครจน กลับรวยยิ่งขึ้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข และมิตรภาพ มีผู้ให้มากมายของโลกที่ล่วงลับไปแล้ว แต่ความดีที่ทำให้แก่สังคมยังอยู่ มีอนุสรณ์หลายต่อหลายแห่งยังตั้งตระหง่าน รำลึกถึงการเป็นผู้ให้ของพวกเขา โลกมักจะหลงลืมคนที่นิ่งเฉย แต่จะจดจำคนที่ทำสิ่งต่างๆให้แก่ผู้อื่น
             

        11.ลงมือทำตามความฝัน


                อย่าเอาข้ออ้างต่างๆมาขัดขวาง การเดินทางตามความฝันของเรา เราคือผู้ติดเชื้อ เราไม่ใช่ผู้พิการ เราสามารถเดินทางไปตามความฝันได้ เพราะผู้พิการบางคนก็ดิ้นรนจนประสบความสำเร็จ เพราะเขาพิการแค่กาย แต่ใจเขายังแข็งแรงและปกติ เวลาของเราไม่ได้มีน้อยกว่าคนอื่น เรามี 24ชั่วโมงต่อวันเท่ากัน อยู่ที่เราจะปล่อยมันไปอย่างไร้ค่า หรือลงมือทำตามความฝัน เพราะอย่างน้อยเราก็ได้ทำมัน
               

        12.รู้จักตัวเองให้ดี


                การทำความรู้จักที่ดี คือการรู้จักตัวเองก่อน รู้ว่าตัวเราชอบอะไรไม่ชอบอะไร ตอนนี้อยู่ในอารมณ์แบบไหน เรากำลังทำอะไรอยู่ เราเก่งอะไร เราเชียวชาญเรื่องไหน เพราะสิ่งเหล่านี้ จะทำให้เรารู้ประสิทธิภาพของตัวเอง และทำในสิ่งที่เหมาะกับตัวเราเอง ไม่ต้องเสียเวลาในการหาตัวตนที่แท้จริงของเราเองมากนัก แต่ทว่า กว่าจะรู้จักตัวเองได้ก็ต้องทำสิ่งที่ไม่ชอบเสียก่อน เราถึงจะรู้ว่าเราชอบอะไรกันแน่
                 

        13.ดูแลตัวเองให้มาก


                ยิ่งเราปล่อยปละละเลยตัวเอง ก็เท่ากับว่าเราเห็นตัวเองไม่มีค่า สิ่งนี้มันจะยิ่งทำให้อาการที่เป็นอยู่ แย่ลงเรื่อยๆ เราควรจะหันมาดูแลตัวเอง รักตัวเองให้มากๆ ใส่ใจกับตัวเราเอง ติดเชื้อแล้ว ก็สวย ก็หล่อได้ เหมือนเดิม เพียงแค่ทำให้หัวใจเราสวยและหล่อไปพร้อมกับร่างกายด้วยนะครับ
                     

        14.รู้จักปฎิเสธเรื่องที่ไม่มีประโยชน์กับเรา


                เพราะการเกรงใจเป็นมารยาทที่ดีของคนไทย แต่ว่าเกรงใจจนเกินไปก็ส่งผลร้ายกับชีวิตของเรา บางครั้งก็อึดอัด กลัวว่าเค้าจะมองเราไม่มีมารยาท
แต่ถ้าการเกรงใจทำให้จิตใจเราแย่ไม่มีความสุข คนที่เครียจก็คือเรา ตัวเราทั้งนั้น ที่ทุกข์ ตัวอย่างของคนที่รู้จักความสุข ก็คือคนที่รู้จักปฎิเสธเรื่องที่ไร้สาระ ไม่มีประโยชน์ต่อตัวเอง และคนรอบข้าง ความเกรงใจเอาไว้ใช้กับคนที่เค้าเกรงใจตอบเรามา
                 

        15.อย่าปล่อยเวลาผ่านไป อย่างไร้ค่า


                ทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่าๆกัน อยู่ที่ใครจะสามารถจัดสรรเวลาให้ลงตัว บางคนยุ่งจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่น และบางคนก็ว่างจนไม่รู้จะทำอะไร ทุกนาทีมีค่า มีความหมาย เก็บเกี่ยวทุกวินาที ให้อยู่ในความทรงจำของเรา ว่าเราทำมันดีที่สุดแล้ว
                   

        16.เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ


                การเรียนรู้มันจะทำให้เรารู้สึกว่าเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา มีมุมมองหลากหลาย และกว้างไกล ทำให้เรามีจิตนาการไม่จำกัด เพราะเราได้เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา สมองมันจะเปิดรับทุกเรื่องราว อย่างเป็นกลาง ไร้ซึ่งอคติ คนสูงอายุที่ชอบพูดว่า แก่แล้วสมองไม่ดีแล้ว ไม่เหมือนเด็กๆ ความเป็นเด็กไม่ได้อยู่ที่ร่างการเสมอไป ทว่ามันอยู่ที่ความรู้สึก เราพร้อมที่จะเรียนรู้มันหรือป่าว เท่านั้นเอง

        17.ให้กำลังใจตัวเอง


                ไม่ว่าใครต่อใครมากมาย จะให้กำลังใจเรา แต่มันจะส่งผลต่อจิตใจของเรา ไม่เท่าตัวของเราที่ให้กำลังตัวเอง มันจะมีประสิทธิภาพยิ่งกว่า และเป็นแรงขับเคลื่อนในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข

        18.แจกจ่ายรอยยิ้มอยู่เสมอ


                รอยยิ้มคือสิ่งที่ เมื่อเราส่งไปให้กับใครแล้ว เปอร์เซนของการได้รับกลับมันมีมากเสมอ ถึงแม้เราจะส่งยิ้มให้กับคนที่หน้าอย่างนิ่ง หรือพวกคนยิ้มยากก็ตาม เราอาจจะไม่ได้รับรอยยิ้มกลับมาจากคนพวกนี้ แต่ว่าคุณได้ส่งบางสิ่งบางอย่างเข้าไปในความรู้สึกของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว แน่นอนที่มันจะเป็นสิ่งที่ดีเสมอ การให้ที่ไม่เสียอะไรเลยรอยยิ้มที่จริงใจ และผลตอบแทนมันคือ มิตรภาพที่ยอดเยี่ยม

        19.เปิดใจยอมรับสิ่งต่างๆ


                เพื่อรับสิ่งใหม่ๆเข้ามาในชีวิต เราจะได้บทเรียนที่สนุกคุ้มค่า ได้เห็นโลกในมุมต่างๆ ความหลากหลายของชีวิต ที่ในโลกส่วนตัวของเราไม่มี ที่ซึ่งจะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จในชีวิต และเข้าใจสิ่งที่ชิวิตกำลังบอกเรา
     

        20.ลืมอดีตที่ทำร้ายตัวเอง


                ลืมทุกสิ่งที่คอยตามทำร้ายจิตใจของตัวเอง สิ่งไหนที่ทำให้เราทุกข์ ก็ไม่ควรให้คุณค่ามันมาก ถึงมันจะยากแต่เชื่อเถอะว่าเราทำได้ เพราะคนมากมายที่อยู่มาก่อนเราเค้ายังทำได้เลย เราเก่งกว่าพวกเค้าอยู่แล้ว เราไม่สามารถไล่มันไปได้หมด แต่เราอยู่เหนือมันได้ เรียนรู้ที่จะควบคุมมัน และให้มันกลายเป็นพลังที่ผลักดันเราให้ดีขึ้น
                   

        21.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์


                ทานสิ่งที่เหมาะสมกับร่างกายของเรา ทายให้พอเหมาะไม่ควรทานอิ่มมาก รู้มั้ยว่าการทานจนอิ่มมากในหลายๆมื้อแล้ว นอกจากจะอ้วนแล้ว ยังหน้าแก่ลงก่อนวัยอันควรอีกด้วย เพราะว่ากระเพาะและร่างร่างของเราจะทำงานหนักเกินไป ยิ่งบ่อยเข้า ยิ่งล้ามาก ก็ยิ่งทรุดโทรมไป ร่างกายก็เป็นไปตามสภาพอาหารที่ทานเข้าไป กินอาหารที่ดี ร่างกายก็ดี กินอาหารที่แย่ ร่างกายก็เป็นไปตามนั้น
                   

        22.ทำสิ่งที่ท้าทาย


                ให้ตัวเองได้ตื่นเต้นบ้าง ยิ่งบ่อยยิ่งดี ให้หัวใจได้เต้นเร็วๆอย่างมีจังหวะ และเราจะรู้ว่าชีวิตมันสนุกแค่ไหน มันไม่เคยน่าเบื่อเลย แต่ว่าข้อแนะนำนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจนะครับ

        23.ออกกำลังกายให้พอเหมาะ   


                เพราะร่างกายของคนเราถูกใช้งานมาไม่เหมือนกัน ฉะนั้น เราต้องรู้ว่าร่างกายเราได้เท่าไหร่ ควรออกกำลังกายแบบไหนถึงจะเหมาะกับเรา โรคภัยที่เป็นอยู่ มันทำอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เรียนรู้และอยู่กับมันอย่างแข็งเเรงและมีความสุขที่สุด ทั้งร่างกายและจิตใจ
                   

        24.รู้จักพอในสิ่งที่ตัวเองมี   


                ไม่ต้องไปไขว่ขว้าสิ่งที่เราไม่มี ดิ้นรนทุกทางเพื่อจะครอบครองมัน จนทำให้เรามองข้ามสิ่งดีๆที่อยู่รอบตัวเรา สิ่งที่อยู่กับเรามาโดยตลอด มีมันตลอดมา อะไรก็ตามที่เราวิ่งตามมัน บทสุดท้ายเราจะเหนื่อย และถึงแม้เราจะได้มันมา เราก็วิ่งจนเหนื่อยล้าแล้ว อาจจะไม่มีโอกาสได้อยู่กับมัน หรือใช้สิ่งนั้นเลย ในทางกลับกันเมื่อเราอยู่หรือใช้สิ่งที่มีอยู่แล้ว มันอาจจะเกิดผลจนเราเก็บเกี่ยวแทบไม่ทัน ผลนั้นคือความสุขและความสงบใจ ที่ไม่ต้องไปแย่งชิง หรือแข่งกับใคเลย
                   

        25.คิดบวก      


                จงคิดบวกไว้ก่อนแม้ว่าเรื่องที่เข้ามานั้นอาจทำให้กังวลสุดๆหรือนั่นคือปัญหาแน่นอน เพราะอย่างน้อยสิ่งนั้นอาจจะเป็นเพียงบททดสอบกำลังใจเราเท่านนั้นเอง
                       

        26.ลืมอดีตที่ทำร้ายตัวเอง  


                มีคำกล่าวไว้ว่าคำพูดคนอื่นหรือเรื่องที่เจ็บปวดในอดีตเกิดกับเราครั้งเดียวแต่ความเจ็บปวดเกิดหลายครั้งเหมือนกับเราโดนเขาเอามีดแทงเรา1ครั้ง แต่เรากลับดึงมีดมาแล้วทิ่มแทงตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า อยากให้เพื่อนๆเก็บอดีตไว้เป็นเพียงประสบการณ์แล้วจงนำเอาความเจ็บปวดทิ้งไป
                     

        27.ท่องเที่ยวซะเลย    


                ชีวิตเราเงินเราความสุขเป็นของเรา ถ้าเราเงินน้อยงบน้อยก็เที่ยวใกล้ๆมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ใช้เงินมากมายเยอะแยะไปลองมองดูดีๆค่ะ อย่าให้เงินมาเป็นอุปสรรคของการเที่ยว ทำได้แน่ค่ะ
                   

        28.จดจำแต่สิ่งดีๆ


                สิ่งดีๆทีจริงชีวิตคนหนึ่งคนมีเรื่องดีเกิดขึ้นมากกว่าเรื่องร้ายๆ แต่เรามักจำแต่เรื่องร้ายๆ ร้านอาหารอร่อย สถานที่ออกกำลังกายที่ชอบ สวนสาธรณะที่ใช่ เพื่อนสนิท สุนัขตัวโปรดแมวตัวโปรด เสื้อตัวเก่งเห็นไหมว่าเรื่องดีๆมีเยอะกว่า ยิ้มสิจ๊ะ

        29.ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด


                อยู่กับปัจจุบัน วันนี้ดีที่สุด ชั่วโมงนี้ดีที่สุด นาทีนี้ดีที่สุด ณ ตอนนี้ดีที่สุด จริงปะ

        30.ขอบคุณทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต


                ไม่ว่าดีหรือร้ายจงขอบคุณทุกสรรพสิ่งเพราะนั่นคือประสบการณ์ที่จะทำให้เราได้ก้าวต่อไป เรื่องดีก็ขอบคุณสร้างกำลังใจให้สู้ เรื่องไม่ดีก็ขอบคุณที่มาเป็นบททดสอบจิตใจ หากปัญหามาเราก้าวผ่านแสดงว่าเราได้ไปต่อ




ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่ติดตาม
หวังว่าสิ่งเหล่านี้ เพื่อนๆจะนำไปใช้ในชีวิต
และเกิดประโยชน์อย่างมากมาย
-
หากชอบ หากถูกใจ และติดตามเพจ
ฝากกดแชร์เพื่อให้เพื่อนๆได้มีโอกาสเห็นสิ่งเหล่านี้ด้วยนะค๊ะ
-
เมนูหลัก

--------
1.หน้าเพจ
www.hopeforhiv.net
2.อาหารเสริมลีฟเพิ่มcd4สำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวี
https://www.facebook.com/358485727658457/photos/?tab=album&album_id=719955318178161
3.ราคาสินค้า - นโยบายราคาหน้าเวป เพจ
https://www.facebook.com/358485727658457/photos/?tab=album&album_id=719758934864466
4.12 อาการสงสัยรีบหาหมอด่วน
https://www.facebook.com/pg/HopeforHIV.net/photos/?tab=album&album_id=713928952114131
5. 15เรื่องทำอย่างนี้จะติดเอดส์หรือไม่
https://www.facebook.com/pg/HopeforHIV.net/photos/?tab=album&album_id=717029831804043
6. 20 คำถามควรคิดก่อนนอน เพื่อความสุขและความสำเร็จของชีวิต
https://www.facebook.com/pg/HopeforHIV.net/photos/?tab=album&album_id=728224240684602
7.ติดต่อเรา Hope for HIV
https://www.facebook.com/pg/HopeforHIV.net/photos/?tab=album&album_id=732488866924806
8.ทีมงาน Hope for HIV
https://www.facebook.com/pg/HopeforHIV.net/photos/?tab=album&album_id=732494113590948
9.เกี่ยวกับเรา Hope for HIV
https://www.facebook.com/pg/HopeforHIV.net/photos/?tab=album&album_id=732510346922658

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

12 อาการต้องสงสัยให้รีบไปรักษาโดยไว

12 อาการต้องสงสัยให้รีบไปรักษาโดยไว


              หากมีความเสี่ยงในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี เอดส์ ... จำเป็นที่เราต้องดูแลสุขภาพผู้ป่วยและตัวเองเมื่อพบว่ามีอาการดังกล่าวก็ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะหากติดเชื้อเอชไอวีก็จะได้ทำการรักษาต่อไป ด้วยการรับประทานยาต้านไวรัส แม้ขณะนี้โอกาสการรักษาให้หายขาดจะยังดูริบหรี่ แต่ก็จะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

1.ผู้ชายจะมีปัสสาวะแสบขัด หรือมีหนองไหลออกมา


              ท่านชายที่มีอาการปัสสาวะแสบขัดอยู่บ่อยๆ และมีหนองไหลออกมาด้วยคงต้องรีบไปหาหมอแล้วหละ

2.เจ็บปวดอวัยวะเพศชาย


              ท่านชายที่มีอาการเจ็บปวดที่ลำอวัยวะเพศเป็นๆหายๆหรือเป็นเรื้อรังก็ต้องไปพบหมอกันบ้างก็ดีนะ

3.มีผื่น ตุ่ม แผลบริเวณอวัยเพศชาย


              ท่านชายที่มีความเสียงติดเชื้อเอชไอวี เอดส์ และชอบมีแผล ตุ่มผื่นขึ้นตามอวัยวะเพศควรรีบปรึกษาแพทย์ด่วน

4.ขาหนีบบวมหรือเป็นฝี


              ท่านชายหญิงที่มีความเสียงติดเชื้อและมีอาการบวมหรือเป็นฝีที่บริเวณขาหนีบอย่าประมาณต้องไปให้หมอตรวจก็ดีนะ

5.ตกขาวผิดปกติ หรือมีสีเหลือง กลิ่นเหม็น


              สุภาพสตรีที่มีการตกขาวผิดปกติ มีสีเหลืองกลิ่นเหม็นทำความสะอาดภายในแล้วก็ไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์เช่นกันจร้า

6.เจ็บ เสียวท้องน้อย


              สำหรับผู้เสี่ยงผู้มีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยแล้วชอบมีอาการเจ็บเสียวที่ท้องน้อยอยู่เป็นประจำไม่ควรประมาทหายาทานเองควรไปให้หมอตรวจดูบ้างน่าจะดีไม่น้อย

7.มีผื่น ตุ่ม คันอวัยวะเพศหญิง


              ท่านหญิงที่อยู่ใกล้ชิดหลับนอนกับผู้ป่วยแล้วเกิดผื่นตุ่มคันตามอวัยวะเพศเป็นเวลานานๆอย่านิ่งนอนใจควรพบแพทย์เช่นกัน

8.มีเชื้อราในปากและลำคอ


              อาการเชื้อราในช่องปากและลำคอเกิดได้ทั้งท่านชายและหญิงที่มีความเสี่ยงหรือเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วย

9.ต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ


              อาการต่อมน้ำเหลืองโตที่คอ รักแร้ ขาหนีบเป็นได้กับทุกๆท่านไม่ควรประมาทควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์

10.เป็นงูสวัดหรือแผลชนิดลุกลาม


11.มีอาการเรื้อรังเกิน 1 เดือน โดยไม่ทราบสาเหตุ เช่น มีไข้ ท้องเสีย


              อาการป่วยเรื้อรังโดยหาสาเหตุไปพบหลายคนไม่ยอมไปหาหมอทำให้ช้าเกิดกว่ารักษาก็มีมากอย่าประมาทนะค๊ะ

12.ผิวหนังอักเสบและน้ำหนักลด


              มีผิวหนับที่ชอบเป็นแผลอักเสบแสบร้อน และน้ำหนักตัวลดลงเรื่อยๆควรพบแพทย์ด่วน

เอชไอวี และเอดส์ ต่างกันอย่างไร

เอชไอวี และเอดส์ ต่างกันอย่างไร




เอชไอวีคือเชื้อไวรัส ที่เป็นสาเหตุนำไปสู่โรคเอดส์


H - Human หรือ คน เพราะเชื้อนี้แพร่ในคนเท่านั้น
I - Immuno-deficiency หมายถึง ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เพราะ เชื้อได้เข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฉะนั้น ระบบร่างกายของเราจึงอ่อนแอลง
V- Virus คือ เชื้อไวรัส คุณสมบัติของเชื้อนี้คือไม่สามารถสร้างตัวเองขึ้นมาได้ แต่จะอาศัยเซลส์ของมนุษย์ในการแพร่กระจาย
A-Acquired หมายถึง ความสามารถในการติดต่อหรือแพร่กระจายเชื้อสู่คนอื่นๆ ได้ เชื้อไม่ได้เกิดจากยีนส์ในร่างกายของมนุษย์
I-Immune แปลว่า ภูมิต้านทาน เพราะโรคนี้มีผลต่อภูมิต้านทานของมนุษย์ ในการยับยั้งหรือต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ
D-Deficiency แปลว่า บกพร่อง เพราะภูมิคุ้มกันโรคของเรา ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
S-Syndrome เราเรียกทับศัพท์กันบ่อยๆ ซินโดรมหมายถึงกลุ่มอาการของโรค คือเมื่อผู้ได้มีเชื้อเอชไอวี และเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ อาการเหล่านี้เราจึงเรียกรวมว่า โรคเอดส์


เอดส์ คือชื่อที่ใช้เรียกกลุ่มโรคที่เป็นผลมาจากเชื้อเอชไอวี โดยเชื้อโรคจะเข้าทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ การที่คุณตรวจพบโรคแทรกซ้อนจากเอดส์นั้น ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเสียชีวิต เพราะหลายๆ โรค เราก็สามารถอยู่และจัดการกับมันได้เช่นกัน ด้วยการรักษาและการทานยาต้านไวรัส จะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแกร่งขึ้น ต้องขอบคุณวงการแพทย์ที่พัฒนายาต้านไวรัส และการรักษาเอชไอวีที่มีประสิทธิภาพในทุกวันนี้ ที่สามารถทำให้ชีวิตยืนยาวได้


"ถ้ารู้เร็ว ก็ดูแลตัวเองได้เร็ว"

การตรวจและรักษาอย่างเนิ่นๆ นั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการดูแลร่างกายและชีวิต ไปตรวจที่คลีนิคนิรนามวันนี้ ตรวจฟรี และไม่ต้องเผยชื่อและตัวตนของคุณ

คลีนิคนิรนาม ให้บริการการตรวจหาเชื้อที่ปลอดภัย ได้มาตรฐานและรวดเร็ว โดยไม่มีการถามชื่อคนไข้แต่อย่างใด

โรคเอดส์ และ ผู้ติดเชื้อ HIV สิ่งที่เรามักเข้าใจผิด

โรคเอดส์ และ ผู้ติดเชื้อ HIV สิ่งที่เรามักเข้าใจผิด


1. โรคเอดส์ กับเชื้อ HIV ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน


- HIV เป็นเชื้อไวรัส
- เอดส์ เป็นภาวะที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งเป็นหลังจากที่ร่างกายถูกทำร้ายจากไวรัส HIV อีกทีหนึ่ง

2. เป็นเอดส์ ยังมีโอกาสรอด


               ถึงแม้จะยังไม่มีวิธี และยารักษาโรคเอดส์โดยตรง แต่หากพบในระยะที่ยังเป็นผู้ติดเชื้ออยู่ ผู้ป่วยสามารถทานยาต้านไวรัส ไม่ให้เชื้อไวรัสทำร้ายภูมิคุ้มกันในร่างกาย จนแสดงอาการผิดปกติออกมาได้ เพราะฉะนั้นยิ่งพบเชื้อเร็ว ยิ่งควบคุมเชื้อไวรัสได้ง่าย โอกาสรอดชีวิตก็ยิ่งมีสูง นอกจากนี้เมืองไทยยังมีสวัสดิการมอบยาต้านไวรัสให้กับผู้ติดเชื้อฟรีอีกด้วย เพียงลงทะเบียนเข้าโครงการรับยาต้านไวรัสกับโรงพยาบาลที่ร่วมโครงการ และคอยติดตามผลกับแพทย์อยู่เสมอ

3. เป็นเอดส์ ติดเชื้อ HIV ต้องตายด้วยอาการมีแผล ตุ้ม หนอง ขึ้นเต็มตัว


               นั่นเป็นอาการของโรคฉวยโอกาส อาจจะเป็นโรควัณโรค ซึ่งเข้ามาทำร้ายร่างกายหลังจากที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ไม่ดี ปล่อยให้เชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกายจนแสดงอาการได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นโรคที่แสดงอาการทางผิวหนังก็ได้ เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น

4. ผู้ป่วยเอดส์ และผู้ติดเชื้อ HIV ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนสำส่อน มักมากในกาม


               มีหลายคนที่ติดเชื้อ HIV จากแม่ จากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันกับผู้ป่วย และอาจติดจากคู่ครองของตนเอง นั่นหมายความว่า หากมีเพศสัมพันธ์กับแค่คนๆ เดียว แต่หากเป็นผู้ติดเชื้อ ก็มีโอกาสติดเชื้อต่อจากคนนั้นได้เช่นกัน

5. เชื้อ HIV ไม่ได้ติดต่อกันง่ายเหมือนไข้หวัด


เชื้อ HIV ไม่สามารถติดกันได้ ผ่านทาง
- กอด จูบ (ยกเว้น จะมีแผลในปาก และเป็นการจูบแลกลิ้น แลกน้ำลายกัน)
- ทานข้าวร่วมกัน จานเดียวกัน ดื่มน้ำแก้วเดียวกัน หรือแม้แต่ใช้ช้อน ส้อมคันเดียวกัน
- มีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัย
- ลมหายใจ
- ใช้สบู่ ครีมอาบน้ำ แชมพู ยาสีฟัน ร่วมกัน

เชื้อ HIV ติดต่อกันได้ผ่านทาง
- สารคัดหลั่ง เลือด ผ่านการใช้อุปกรณ์อย่างเข็มฉีดยา
- เลือด และการให้นมบุตรของแม่
- รับสารคัดหลั่ง และเลือด เข้าสู่ร่างกายผ่านแผล (ต้องเป็นแผลสดๆ เท่านั้น)
- โอกาสที่จะติดเชื้อ ไม่ใช่ 100% เสมอไป

6. ผู้ติดเชื้อ HIV อาจไม่ต้องทานยาต้านไวรัสไปตลอดชีวิต


               หากทานยาต้านไวรัสตรงเวลา ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ มีโอกาสที่เชื้อไวรัส HIV อาจจะลดลงเรื่อยๆ จะอาจสามารถหยุดการทานยาได้ แต่แพทย์จะยังคงตรวจสุขภาพต่อเป็นระยะๆ

7. ผู้ติดเชื้อ HIV อาจมีชีวิตอยู่ได้ยืนยาวเหมือนคนปกติทั่วไป


               หากทานยาต้านไวรัสตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ และรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเป็นประจำ ผู้ติดเชื้อสามารถมีชีวิตที่ยืนยาว อยู่ต่อไปได้อีกหลายสิบปี มีอายุขัยเท่ากับคนปกติเลยทีเดียว ดีไม่ดีอาจอายุยืนกว่าคนปกติที่เป็นโรคอื่นๆ เช่น เบาหวาน หัวใจ อีกด้วย มะเร็ง อีกด้วย

8. ผู้ติดเชื้อ HIV สามารถมีครอบครัวได้


               ถึงแม้ว่าการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใช้ถุงยางอนามัย จะทำให้มีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อได้ แต่หากอยากมีครอบครัว ผู้ป่วยสามารถจูงมือคู่รัก เพื่อปรึกษาแพทย์ หาทางออกในการมีครอบครัว มีบุตรโดยที่บุตรไม่ติดเชื้อ HIV ได้

               โรคเอดส์ และเชื่อไวรัส HIV ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เรา หรือใครหลายๆ คนคิดนะคะ ขอให้เปิดใจ และมองเขาเหมือนเป็นคนปกติธรรมดาทั่วไป อย่าแสดงทีท่ารังเกียจ หรือกลัวอะไรพวกเขา เท่านี้พวกเขาก็มีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปแล้วคับ

ผู้ติดเชื้อ "เอชไอวี" รายใหม่ลดลงต่อเนื่อง

ผู้ติดเชื้อ "เอชไอวี" รายใหม่ลดลงต่อเนื่อง                สถิติของกรมควบคุมโรคพบผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่มีแนวโน้มลดลง โดยปีน...